วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความผิดต่อแผ่นดิน กับ ความผิดต่อส่วนตัว




     เมื่อเช้าดูข่าวเกี่ยวกับการลักทรัพย์  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  "สุดท้ายยอมความกันไปแล้ว"  แล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์  อยากเดินไปสะกิดบอกว่า  "คุณขา  หากผิดลักทรัพย์จริงยอมความไม่ได้นะคะ  ลักทรัพย์เป็นความผิดอาญาแผ่นดินค่ะ  ต่อให้เจ้าทรัพย์ได้ทรัพย์คืนไม่เอาเรื่องแล้วก็เถอะ...
      ....เว้นแต่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการแล้ว  อัยการเห็นว่าฟ้องไปไม่เป็นประโยชน์  จะไม่สั่งฟ้อง  หรือสั่งยุติการดำเนินคดี  นั่นก็อีกเรื่อง,,,"

     คิดๆไปเลยจะสรุปเรื่อง  ความผิดอาญาแผ่นดิน  กับ  ความผิดต่อส่วนตัวไว้  ณ  ตรงนี้  เลยดีกว่า



     นอกจากสามารถแบ่งประเภทได้ตามลักษณะความผิดแล้ว  ในทางปฏิบัติ  การกระทำที่มีโทษอาญาสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท

          1.  ความผิดต่อแผ่นดิน  หรือ  ความผิดอันยอมความไม่ได้  ได้แก่  ความผิดที่มีโทษทางอาญาทุกชนิดที่ไม่มีกฎหมายระบุไว้ว่า  "เป็นความผิดอันยอมความได้"
                เป็นความผิดต่อแผ่นดินทั้งหมด

          2.  ความผิดต่อส่วนตัว  หรือ  ความผิดอันยอมความได้  ได้แก่  ความผิดที่มีกฎหมายระบุไว้ว่า  "ยอมความได้"  หากพิจารณาเฉพาะจากประมวลกฎหมายอาญาแล้ว  มีดังนี้

          2.1  ความผิดเกี่ยวกับเพศ  ได้แก่  ข่มขืน  ทำอนาจาร  ในกรณีที่กระทำต่อบุคคลที่มีอายุมากกว่า 15 ปี,  กระทำโดยไม่มีอาวุธ,  ไม่มีลักษณะเป็นการโทรมหญิง  ,เหยื่อไม่ได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย  กรณีเหล่านี้ยอมความได้

           2.2  บังคับให้ผู้อื่นทำหรือไม่ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง(มาตรา 309)  กักขังหน่วงเหนี่ยวให้ปราศจากเสรีภาพ(มาตรา 310)  หรือทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายโดยประมาท(มาตรา 311)  ยอมความได้
                  เฉพาะกรณีที่ผู้กระทำไม่ใช้อาวุธ  หรือผู้ถูกกระทำไม่ได้รับอันตรายสาหัส  หรือถึงแก่ความตาย  เท่านั้นนะ  ที่ยอมความได้
                  เมื่อใดก็ตามที่เหยื่อได้รับอันตรายสาหัส  หรือถึงตาย  ยังไงก็ยอมความไม่ได้ค่ะ  จำง่ายๆ

          2.3  ความผิดฐานเปิดเผยความลับ  (มาตรา 322-325)

          2.4  ความผิดฐานหมิ่นประมาท

          2.5  ความผิดฐานฉ้อโกง  เว้นแต่ฉ้อโกงประชาชน

          2.6  ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้

          2.7  ความผิดฐานยักยอก

          2.8  ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์  เฉพาะกรณีทำต่อทรัพย์ของเอกชน(คือของประชาชนทั่วๆไป)  หรือทรัพย์ที่ไม่ได้เป็นสาธารณสมบัติ

          2.9  ความผิดฐานบุกรุก  เฉพาะกรณีบุกรุกตอนกลางวัน  บุกรุกคนเดียว  บุกรุกโดยไม่มีอาวุธ  หรือไม่มีการประทุษร้ายหรือขู่ว่าจะประทุษร้าย

         ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญานอกจากที่กล่าวมานี้  เป็นความผิดต่อแผ่นดิน



          ความผิดต่างประเภทกันมีผลในทางปฏิบัติต่างกันอย่างไรบ้าง

     ในทางปฏิบัติ  ความผิดต่อแผ่นดินและความผิดต่อส่วนตัวมีผลต่อการดำเนินคดีดังนี้


  1.  การยอมความ  :  หากเป็นความผิดต่อแผ่นดินจะไม่สามารถยอมความได้  หรืออีกนัยหนึ่ง  ไม่สามารถยุติคดีได้ด้วยการที่สองฝ่ายมาเจรจาผ่อนปรนต่อกัน  ไม่ว่าผู้เสียหายจะว่าอย่างไร  ก็ต้องมีการสอบสวนเพื่อส่งให้อัยการฟ้องคดี  หรือหากผู้เสียหายจะฟ้องคดีเองก็สามารถดำเนินการได้เต็มที่

       ส่วนความผิดต่อส่วนตัวหรือความผิดอันยอมความได้นั้น  เมื่อใดก็ตามได้ความว่ามีการยอมความกันแล้ว  ผู้เสียหายไม่เอาเรื่องแล้ว  อำนาจในการสอบสวน  สิทธิในการดำเนินคดีของผู้เสียหายและอัยการหมดทันที

        หมดแล้วหมดเลยด้วย  ไม่มีสิทธิย้อนกลับ


  2.  อายุความ  :  คดีอาญาแทบทุกประเภทล้วนมีอายุความในการดำเนินคดีแตกต่างกันโดยยึดตามอัตราโทษอย่างสูงของความผิดนั้นเป็นสำคัญ  แต่หากเป็นความผิดต่อส่วนตัวแล้วล่ะก็  จะมีอายุความเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอายุความ  ตามปอ.มาตรา 96  ซึ่งวางหลักไว้ว่า  ในคดีความผิดต่อส่วนตัว  หากผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์หรือดำเนินคดี(ดำเนินคดีนี่แนวฎีกา)ภายในสามเดือน  นับแต่รู้ถึงการกระทำผิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด  คดีเป็นอันขาดอายุความ

       ดังนั้นแล้ว  หากไม่แน่ใจว่าท่านโดนกระทำอะไรกันแน่  กรุณาดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง  จะฟ้องคดีหรือจะร้องทุกข์ก็เลือกเอา  ภายในสามเดือนไว้ก่อน  เกิดหวยไปออกว่าคดีเรายอมความได้ขึ้นมา  จะได้ไม่ขาดอายุความ  เพราะอายุความในทางกฎหมายอาญาถือเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบ  มีประเด็นขึ้นมาศาลยกฟ้องสถานเดียว

       คนเรียนเองยอมรับว่าอ่านแล้วขัดอกขัดใจไม่น้อยที่เห็นคนไม่ดีหลุดคดีด้วยเหตุนี้  แต่กฎมันเป็นอย่างนี้ก็ต้องว่าตามกันไป...


  3.  การร้องทุกข์  :  ในความผิดต่อแผ่นดิน  พนักงานสอบสวนสามารถทำการสอบสวนได้โดยไม่จำต้องได้รับคำร้องทุกข์  เพียงสงสัยหรือมีการกล่าวโทษก็สามารถทำการสอบสวนได้  แต่ในคดีความผิดต่อส่วนตัว  หากไม่มีการร้องทุกข์ตามระเบียบ  พนักงานสอบสวนจะไม่มีอำนาจสอบสวน  ส่งผลให้อัยการไม่มีอำนาจฟ้องคดีตามไปด้วย

     เช่น  หากมีเหตุฆ่าคนตาย  ถ้าญาติคนตายมาแจ้งความ  ดังนี้ตำรวจซึ่งมีอำนาจสอบสวนสามารถสอบสวนเอาผิดกับคนฆ่าได้  หรือต่อให้ตำรวจเห็นเอง  หรือได้ยินใครร้องโหวกเหวกว่ามีคนตาย  แค่นี้ตำรวจสอบสวนดำเนินคดีได้แล้ว  เพราะความผิดฐานฆ่าคนตายเป็นอาญาแผ่นดิน  พนักงานสอบสวนสามารถสอบสวนดำเนินคดีได้โดยไม่ต้องมีการร้องทุกข์
             แต่หากเป็นกรณีความผิดยอมความได้  เช่น  ผู้หญิงถูกข่มขืน  ถ้าเจ้าทุกข์เองไม่มาแจ้งความ  หรือไม่มอบอำนาจให้ใครมาแจ้งความเอาผิดกับจำเลยแล้วล่ะก็  ตำรวจไม่มีอำนาจทำคดี  เพราะข่มขืนเป็นความผิดอันยอมความได้
             อ่อ  อย่าลืมแจ้งภายในสามเดือนด้วยล่ะ  เดี๋ยวขาดอายุความขึ้นมาจะยุ่งอีก


   สามเรื่องนี้เป็นสามเรื่องใหญ่ๆที่นึกออกอันเป็นผลโดยตรงมาจากข้อแตกต่างระหว่างคดีความผิดต่อแผ่นดินและความผิดอันยอมความได้  นอกจากนี้ก็เช่น  ในคดีความผิดต่อส่วนตัว  ถ้าเจ้าทุกข์ยื่นฟ้องแล้วถอนฟ้องไป  อัยการฟ้องใหม่ไม่ได้  อะไรแบบนี้



      คราวหน้าเจอใครบอกว่าลักทรัพย์ยอมความกันไปแล้ว  ก็เถียงเขาไปเลย


      ลักทรัพย์เป็นความผิดต่อแผ่นดิน  ยอมความไม่ได้จ้าาา



       สวัสดี...



 ปล.  ส่วนคดีข้างต้นน่ะ  เราว่าเพราะดูแล้วมันเป็นเรื่องตั้งใจจะซื้อของแต่ยังไม่จ่ายตังค์  ซึ่งหากเป็นกรณีนี้จะเป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพ่งธรรมดา  เสียมากกว่า  เรื่องมันเลยจบไปได้

     เพราะฉะนั้น  หากคุณมีเจตนาจะซื้อของจริง  เพียงแต่ยังไม่แน่ว่าจะจ่ายเงินเมื่อไหร่  คุณแค่ผิดสัญญาซื้อขาย  ซึ่งเป็นสัญญาทางแพ่ง  ตำรวจไม่มีสิทธิจับคุณ
      มีอะไรก็เข้าศาลแพ่งไปละกัน  แต่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็จ่ายๆไปเถ้ออ

     แต่  ถ้าตั้งใจจะเอาของเขาโดยไม่มีเจตนาจะจ่างสตางค์เลยล่ะก็....

     คุก....นะจ๊ะ            

   
   

2 ความคิดเห็น: