วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

การฟ้องคดีแพ่ง (3) : ฟ้องใคร



         ก่อนเข้าหัวข้อ  ทวนความจำสักเล็กน้อย  คดีซึ่งยื่นต่อศาลแพ่งได้นั้นมีสองประเภทด้วยกัน  หนึ่งคือ  คดีที่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายแพ่ง  หรือเรียกอีกอย่างว่า  คดีมีข้อพิพาท (1)  และคดีอีกประเภทหนึ่งคือในกรณีที่บุคคลจะต้องใช้สิทธิทางศาล  หรือคดีไม่มีข้อพิพาท

     
          เมื่อกล่าวว่า  "จะฟ้องใคร"  แสดงให้เห็นได้ว่า  คดีดังกล่าว  เป็นคดีมีข้อพิพาท  หาไม่แล้วคงไม่ต้องลากใครเข้ามาให้วุ่นวายเป็นแน่


          กลับเข้าสู่คำถามที่ว่า  "จะฟ้องใคร"

          คำตอบคือ  :  ฟ้องคน


        อ้าว  ไม่ได้กวนนะ  ต้องฟ้อง  "คน"  จริงๆ  ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรืออาญาก็ตาม  ดูนิยามศัพท์ได้ดังนี้
 
   ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(หรือ ปวิพ)  มาตรา ๑  อนุ (๑๑)  คู่ความ  หมายถึง  บุคคลผู้ยื่นคำฟ้อง  หรือถูกฟ้องต่อศาล...

   ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา(หรือ ปวิอ)  มาตรา ๑  อนุ (๓)  จำเลย  หมายถึง  บุคคลซึ่งถูกฟ้องยังศาลแล้วโดยข้อหาว่าได้กระทำความผิด

  เห็นไหม  ไม่ว่าจะแพ่งหรืออาญา  ผู้จะถูกฟ้องได้  ต้องเป็น  บุคคล  เท่านั้น

  ลืมคดีต่างประเทศที่ศาลตัดสินประหารชีวิตหรือจำคุกสุนัขไปได้เลย  ศาลไทยไม่รับค่ะ  ศาลรับจัดการเฉพาะคนเท่านั้น



        ต่อมา  มาขยายความคำว่า  "คน"  กันเสียหน่อย

       ตามกฎหมายแล้ว  "คน"  มีสองประเภท  หนึ่งคือบุคคลธรรมดา  และสองคือ  นิติบุคคล


       "คนธรรมดา"  ในที่นี้  ก็คือ  คน  ผู้มี  สภาพบุคคล  ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(หรือ ปพพ)ได้บัญญัติไว้ว่า  "สภาพบุคคลย่อมเริ่มแต่เมื่อคลอดแล้วอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย..."

         สรุปว่าคนซึ่งได้รับการยอมรับตามกฎหมายก็คือคนธรรมดาอย่างเราๆท่านนี้แล


       ส่วน  "นิติบุคคล"  นั้น  คือ  "บุคคล"  ที่ไม่ใช่  "คน"  จริงๆ  แต่กฎหมายให้การยอมรับว่าเป็น  "บุคคล"  เพื่อให้มีสิทธิและหน้าที่เทียบเท่าคนธรรมดา  เว้นแต่สิทธิและหน้าที่ซึ่งเฉพาะคนธรรมดาเท่านั้นที่มีได้(ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา ๖๗)  เช่น  แต่งงาน  มีบุตร  ทั้งในคดีอาญา  ก็จะลงโทษด้วยวิธี  "จำคุก"  หรือ  "ประหารชีวิต"  แบบที่ลงกับคนธรรมดาไม่ได้เช่นกัน

      นิติบุคคลเป็นบุคคตามกฎหมาย  จึงต้องก่อตั้งด้วยกฎหมายเท่านั้น  นิติบุคคลที่มีอยู่ทั่วไปก็เช่น  บริษัททั้งหลาย  มูลนิธิ  วัด  หน่วยงานของรัฐหลายๆแห่ง  ฯลฯ


     
       ประเด็นต่อเนื่องจากหลักที่ว่าผู้ที่ถูกฟ้องต้องเป็นคนและมีสภาพบุคคล

1.  บุคคลที่จะถูกฟ้องต้องมีสภาพบุคคล  กล่าวโดยเข้าใจง่ายคือ  "ต้องยังไม่ตาย"  เพราะหากผู้ถูกฟ้องตายเสียก่อนฟ้องคดี  แล้วผู้ฟ้องคดียังระบุบุคคลดังกล่าวเป็น  "จำเลย"  อยู่แล้วล่ะก็...
 
     ศาลจะสั่งไม่รับฟ้อง  หรือจำหน่ายคดี หรือหากรับฟ้องโดยผิดหลง  เมื่อพบต่อมาก็จำหน่ายคดี  หรือสั่งเพิกถอนคำสั่งรับฟ้องได้เลยเช่นกัน


    แล้วถามว่า  หากว่าที่จำเลยของท่านสิ้นชีวิตเสียแล้วก่อนจะฟ้อง  จะทำอย่างไรนั้น  ต้องพิจารณาว่า  ฟ้องเรื่องอะไร

   1.1  หากเป็นฟ้องเกี่ยวกับทรัพย์สิน  ใช้ค่าเสียหาย  หรือสิทธิใดใดที่ไม่ใช่เป็นการเฉพาะตัวของคนที่ตาย  กรณีนี้ต้องฟ้องทายาทผู้ตายค่ะ  โดยระบุชื่อแล้วระบุไปว่าเป็นทายาทของผู้ที่เราต้องการจะฟ้อง  ด้วยผู้ตายนั้นต้องรับผิดต่อเราดังนี้....  และความรับผิดดังกล่าวนั้นตกทอดไปยังทายาทด้วย.....
 
   แต่พึงระลึกไว้ด้วยว่า  กฎหมายคุ้มครองทายาทผู้ตายด้วยเช่นกัน  ด้วยหลักกฎหมายที่ว่า  ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพยมรดกที่ตกทอดได้แก่ตน(ตามมาตรา ๑๖๐๑  แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์)  นั่นหมายความว่า  หากผู้ตายไม่มีทรัพย์สินใดใดเลย...
    ก็พึงเตรียมใจไว้ว่า  แม้จะชนะคดี  ท่านอาจจะไม่ได้อะไรเลยก็ได้

    แต่ฟ้องได้นะคะ  ศาลรับฟ้องค่ะ  ถือว่ามีตัวจำเลยแล้ว

 1.2  หากเป็นกรณีฟ้องเกี่ยวกับสิทธิเฉพาะตัวหรือหน้าที่เฉพาะตัวของผู้ตาย  เช่น  ฟ้องหย่า  ฟ้องให้จดทะเบียนสมรส

        แนะนำว่าควรปลง  เพราะตายแล้วสิทธิและหน้าที่เหล่านั้นหมดไปด้วยเช่นกัน  หรือหากฟ้องหย่า  การตายของคู่สมรสฝ่ายหนึ่งถือเป็นการสิ้นสุดการสมรสอยู่ในตัวแล้ว  ตามมาตรา ๑๕๐๑  แห่งปพพ

     
2.  อาจมีผู้สงสัยว่า  ฟ้องสิ่งไม่มีชีวิตก็ไม่ได้  ฟ้องสิ่งที่ไม่ใช่คนก็ไม่ได้  แล้วถ้าความเสียหายเกิดขึ้นโดยสิ่งที่ไม่มีสภาพบุคคลล่ะ  เช่น  ถูกสุนัขกัด  มีของหล่นใส่

     คำตอบคือ  ฟ้องเจ้าของสิคะ  บรรยายไปในฟ้องว่าความเสียหายเกิดเพราะเหตุนี้ๆๆสิ่งนี้ๆๆ  แล้วระบุว่า  สิ่งของนั้น  สัตว์ตัวนี้  มีบุคคลคนนี้เป็นเจ้าของ  ขอให้บุคคลคนนี้รับผิดเนื่องจากไม่ดูแลให้ดี  บลาๆๆ

    แล้ว.....ถ้าไม่มีเจ้าของล่ะ
 
    โชคดีเหลือเกินนะ  คือ  ถ้าตามกฎหมายแพ่งเนี่ย  คุณฟ้องไม่ได้หรอก  เพราะมันไม่มีเจ้าของไง  คนจะรับผิดก็ไม่มี  กฎหมายไม่ถือว่าการกระทำของสิ่งหรือสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของเป็นความผิดเสียด้วยสิ  เพราะมันไม่ใช่คน  จึงถือว่าขาดองค์ประกอบความผิด

     แต่....บางทีคุณอาจสามารถแจ้งตามกฎหมายอื่นได้  เป็นต้นว่า  หากเป็นสุนัขจรจัด  ก็ไปแจ้งกทม  อะไรแบบนี้  หรือหากทรัพย์ที่ก่อความเสียหายเป็นทรัพย์ของทางราชการ  คุณก็ต้องฟ้องหน่วยราชการนั้น


  นึกไม่ออกแล้วแฮะ  นึกอะไรขึ้นได้จะมาเพิ่มแล้วกัน  แต่ที่แน่ๆ

 โปรดเช็คสถานะของผู้ที่คุณจะฟ้องก่อนฟ้องทุกครั้งนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น