เอาล่ะ ในที่สุดเราก็รู้แล้วว่า เราเป็นผู้เสียหายในทางอาญาจริงๆ งั้น เราก็ควรลงมือดำเนินคดีกันได้แล้ว มัวแต่คอยท่าไป คดีขาดอายุความขึ้นมา เราจะหมดสิทธิ์นำตัวคนผิดมาลงโทษ
ยังไม่อยากฟ้องศาล งั้นเริ่มที่การแจ้งความละกัน
คำถามต่อไป แล้วมันต้องทำยังไงบ้างล่ะ???
มาว่ากันทีละขั้น
แจ้งที่ไหนและกับใคร
คนเรามักเข้าใจว่า จะแจ้งความต้องไปโรงพัก หรือชื่อเต็มคือ สถานีตำรวจ ซึ่งก็ไม่ผิด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 123 บัญญัติว่า "ผู้เสียหายอาจร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้..."
แล้วพนักงานสอบสวนคือใครกันล่ะ?
นิยามศัพท์ตามมาตรา 1 มีว่า พนักงานสอบสวนคือ เจ้าพนักงานซึ่งกฎหมายให้มีอำนาจและหน้าที่ในการสอบสวน
...โอเค ขอบคุณมาก มึนตึ้บ...
ในทางปฏิบัติน่ะนะ ผู้ที่รับการร้องทุกข์หรือการแจ้งความของเราได้เนี่ย นอกจากตำรวจแล้วก็มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองด้วย ซึ่งได้แก่ ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ปลัดอำเภอ หรือผู้ว่าราชการจังหวัด
แต่ถ้าหาสำนักงานยุ่งยากนัก ก็เดินเข้าโรงพักไปเลยก็ได้ ง่ายดี
แล้วก็ แม้กฎหมายจะกำหนดไว้ว่า ตำรวจชั้นร้อยตำรวจตรีเท่านั้นที่มีอำนาจสอบสวนได้ แต่การแจ้งความไม่ได้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ดังนั้น เราสามารถแจ้งความกับตำรวจได้ทุกคนและทุกยศ
เดินเข้าโรงพักไป เห็นตำรวจคนไหนว่างก็เดินเข้าไปเลย ไม่ต้องถามยศหรอก ยุ่งยาก
เกือบลืม เจ้าหน้าที่อื่นนอกจากตำรวจและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไม่มีอำนาจรับแจ้งความนะคะ อย่าได้ไปแจ้งกับพวกรัฐมนตรีหรือนายกเชียว ท่านไม่มีอำนาจนั้น
ไปแจ้งผู้พิพากษาก็ไม่ถือว่าแจ้งความ ถ้าอยากไปศาลขนาดนั้น ฟ้องคดีไปเลยเถอะ
สรุปว่าไปแจ้งกับตำรวจที่สถานีตำรวจเนอะ จะได้ไปหัวข้อต่อไป
แจ้งเมื่อไหร่
สั้นๆนะ "เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
ดังที่เกริ่นไว้ตอนต้นว่า การดำเนินคดีทางอาญานั้นมีอายุความในการดำเนินคดีกำกับอยู่ ซึ่งหากเราปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไรเลย จนหมดเวลาฟ้อง/แจ้งความ/ดำเนินคดี
ต่อให้อีกฝ่ายผิดจริง หลักฐานครบ ชั่วช้าแค่ไหน
ยังไงก็หลุด...นะคะ (อายุความเป็นปัญหาความสงบเรียบร้อยในทางอาญาเสียด้วยสิ)
ในฐานะปุถุชนธรรมดาผู้ยังละกิเลสไม่ได้มากนัก เราคงไม่ใจดีขนาดปล่อยเวลาล่วงไปเพื่อให้อภัยผู้กระทำผิดหรอกใช่ไหม?
แล้วอายุความนี่มันมีกำหนดเท่าไหร่บ้างล่ะ
เอ้ออ คือมันจะมีอายุความสั้น กับอายุความยาวนะ มาเริ่มที่อายุความสั้นกันก่อน
1. ในกรณีความผิดต่อส่วนตัว หากผู้เสียหายไม่ได้ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องและรู้ตัวผู้กระทำผิด คดีเป็นอันขาดอายุความ (ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96)
ในกรณีที่ความผิดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดส่วนตัว เราต้องร้องทุกข์หรือแจ้งความ หรือฟ้องศาลภายใน 3 เดือน นับแต่เรารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และ รู้ว่าใครเป็นคนทำ ไม่อย่างนั้น กฎหมายบัญญัติให้สิทธิในการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดสิ้นลงทันทีที่เลยระยะเวลา 3 เดือนที่อาจดำเนินการได้ไปแล้ว
ส่วนความผิดต่อส่วนตัวเป็นอย่างไรและมีอะไรบ้างนั้น..
เชิญอ่าน http://tryfaytry.blogspot.com/2016/03/blog-post_23.html (ความผิดต่อแผ่นดิน กับ ความผิดต่อส่วนตัว)
แต่หากเป็นความผิดต่อแผ่นดินแล้ว อายุความจะเป็นไปตามข้อถัดไป อย่างไรก็ดี หากไม่แน่ใจว่าตัวเองโดนดีข้อหาอะไรกันแน่ แนะนำว่าวิ่งไปแจ้งความไว้ก่อนเถอะ ประเดี๋ยวหวยออกเป็นความผิดต่อส่วนตัวมา จะได้ไม่โดน technical knockout ทางกฎหมาย
2. อายุความสำหรับดำเนินคดีทั่วไป
กรณีนี้จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 ซึ่งระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับอัตราโทษของความผิด ดังนี้
การดำเนินคดีนั้น จะต้องฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษภายใน...ปี มิฉะนั้นถือว่าขาดอายุความ โดยมีระยะเวลาแปรผันตามอัตราโทษดังนี้
- 20 ปี สำหรับความผิดที่มีโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือระวางโทษจำคุก(ตั้งแต่)ยี่สิบปี(ขึ้นไป)
- 15 ปี สำหรับความผิดที่มีโทษจำคุกกว่า 7 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี
- 10 ปี สำหรับความผิดที่มีโทษจำคุกกว่า 1 ปี แต่ไม่ถึง 7 ปี
- 5 ปี สำหรับความผิดที่มีโทษจำคุกกว่า 1 เดือน แต่ไม่ถึง 1 ปี
- 1 ปี สำหรับความผิดที่มีโทษจำคุกหนึ่งเดือนลงมา หรือมีโทษอื่นที่ไม่ใช่จำคุก
และหากเป็นความผิดต่อส่วนตัว ท่านจะต้องผ่านข้อ 1 มาแล้ว นั่นคือ ต้องมีการแจ้งความหรือฟ้องคดีภายใน 3 เดือน มาก่อนแล้ว มิเช่นนั้น หมดสิทธิ์
ส่วนความผิดต่อแผ่นดินนั้นจะใช้อายุความตามข้อนี้แต่ประการเดียว เพราะฉะนั้น อยากเอ้อระเหยลอยชายไปเรื่อยๆแล้วค่อยมาแจ้งความ/ฟ้อง 1 วันก่อนขาดอายุความ ก็เรื่องของคุณ
แต่ อย่าลืมนะ ยิ่งเวลาล่วงไป คนร้ายยิ่งตามยาก และหลักฐานก็ยิ่งหายากนะ
แจ้งยังไง
โอ้ ข้อนี้สำคัญ ถ้าแจ้งไม่ถูกนี่ ไปต่อไม่ได้เลยนะ
อันที่จริง ในทางกฎหมายเนี่ย เราไม่เรียกว่า "แจ้งความ" หรอกนะ เราเรียกการกระทำนี้ว่า "การร้องทุกข์" ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาได้กำหนดนิยามไว้ในมาตรา 1 (7) ว่า
"คํารองทุกข” หมายความถึงการที่ผูเสียหายไดกลาวหาตอเจาหนาที่ตาม
บทบัญญัติแหงประมวลกฎหมายนี้วามีผูกระทําความผิดขึ้น จะรูตัวผูกระทําความผิดหรือไมก็
ตามซึ่งกระทําใหเกิดความเสียหายแกผูเสียหาย และการกลาวหาเชนนั้นไดกลาวโดยมีเจตนาจะให
ผูกระทําความผิดไดรับโทษ"
เป็นผู้เสียหายหรือเปล่าก็กล่าวไปแล้ว เจ้าหน้าที่คือใครก็อยู่ด้านบน งั้นมาว่ากันต่อเรื่องลักษณะของคำร้องทุกข์
"..กล่าวหาต่อเจ้าหน้าที่ว่ามีผู้กระทำผิดขึ้น และทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เสียหาย.." ก็คือไปเล่า หรือแจ้งน่ะแหละ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตัวเองเสียหายอะไร
จากนิยามจะเห็นได้ว่า เราไม่จำเป็นต้องรู้ตัวว่าใครเป็นผู้กระทำผิดก็ได้ แต่ทางที่ดี ถ้ารู้อะไรเกี่ยวกับคนร้าย เช่น รูปพรรณสัณฐาน ลักษณะ รถ ความสูง อะไรแบบนี้ก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ไปให้หมด เขาจะได้ตามจับคนร้ายได้ง่ายขึ้น
"..โดยมีเจตนาจะให้ผู้กระทำผิดได้รับโทษ" ข้อนี้แหละสำคัญ อย่าได้พูดเชียวว่า "มาแจ้งไว้เป็นหลักฐานเฉยๆ" "มาแจ้งเพราะกลัวขาดอายุความ" "ไม่เอาเรื่องหรอกค่ะ แค่มาแจ้งเฉยๆ" หรืออะไรแนวๆนี้ เพราะกฎหมายจะถือว่าคุณไม่มีเจตนาจะให้คนทำผิดต้องรับโทษ
ส่งผลให้คำร้องทุกข์ดังกล่าวเป็นคำร้องทุกข์ที่ไม่ชอบตามกฎหมาย
ผลน่ะเหรอ? แยกได้เป็น 2 กรณี นะ
1. กรณีความผิดต่อแผ่นดิน : กรณีนี้ความเสี่ยงจะต่ำหน่อย โอเค แม้เราจะร้องทุกข์ไม่ถูก เราก็ยังมีสิทธิฟ้องคดีเองได้ และพนักงานสอบสวนก็ยังมีสิทธิ์ทำการสอบสวนได้เช่นกัน
แต่ ตามมาตรา 122 นั้น ได้ให้สิทธิพนักงานสอบสวนที่จะไม่ทำการสอบสวนได้ หากผู้เสียหายไม่ยอมร้องทุกข์ตามระเบียบ ก็คือไม่ยอมร้องทุกข์ให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด
สมมติถูกจี้ชิงทรัพย์ แล้วไปแจ้งความบอกว่า "ไม่เอาเรื่องค่ะ" ตำรวจก็อาจจะ อ่ะ งั้นไม่สอบสวนล่ะกัน พอไม่สอบ ก็ไม่ส่งให้อัยการฟ้อง แล้วถ้าคนแจ้งกลับบ้านสบายใจนึกว่าเดี๋ยวอัยการก็ฟ้องให้ ไม่ทำอะไรเลย
จบเห่ค่ะ ไม่ต้องเป็นความกันเลย
คิดจะเอาความก็ทำให้มันสุดๆไปเถ้ออ อย่าอะไรครึ่งๆกลางๆเลยนะ
2. กรณีความผิดต่อส่วนตัว : อันนี้สิเสียหายหนัก ตัดกรณีผู้เสียหายฟ้องเองไปก่อนนะ
สมมติถูกหมิ่นประมาท(ใช่ค่ะ หมิ่นประมาทเป็นความผิดต่อส่วนตัว) ไปแจ้งแบบ..ข้างบน ไม่แสดงเจตนาเอาคนร้ายมาลงโทษ ถือว่าเป็นคำร้องทุกข์ที่ไม่ชอบ
พอร้องทุกข์ไม่ชอบ ก็เท่ากับไม่มีการร้องทุกข์
ตามมาตรา 121 ห้ามพนักงานสอบสวนทำการสอบส่วนคดีความผิดต่อส่วนตัวที่ไม่มีการร้องทุกข์ตามระเบียบ
เมื่อไม่มีการร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนก็สอบสวนไม่ได้
ถึงดำเนินการสอบสวนไปก็ถือว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ เท่ากับไม่มีการสอบสวน
ตามมาตรา 120 ห้ามพนักงานอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลโดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน
...เมื่อพนักงานสอบสวนทำการสอบสวนไม่ได้ ก็ส่งอัยการฟ้องไม่ได้
...ต่อให้ทำการสอบสวนไปและส่งให้อัยการฟ้องแล้ว เมื่อศาลพิจารณาพบว่าการร้องทุกข์ไม่ชอบ ถือว่าไม่มีการร้องทุกข์ เท่ากับสอบสวนโดยไม่มีการร้องทุกข์ ขัดต่อกฎหมาย อัยการไม่มีอำนาจฟ้อง
ยกฟ้อง!
แล้วอย่าลืมว่า เวลามันเดินไปเรื่อยๆ จะกลับมาร้องทุกข์(แจ้งความ)ใหม่ก็อาจขาดอายุความไปแล้ว
เสียหายมั้ย...........เสียหายนะ
จะเห็นได้ว่าการแจ้งความให้ถูกต้องตามกฎหมายมีความสำคัญต่อการดำเนินคดีในทางอาญาอยู่มาก เพราะมันคือการดำเนินการขั้นแรกที่นำไปสู่การฟ้องคดีต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากต้องการดำเนินคดีโดยรัฐ หรือให้พนักงานอัยการเป็นผู้ฟ้องคดีให้กับเรา
ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เสียหายต้องแจ้งความให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อจะได้นำตัวคนผิดมาลงโทษตามหลักกฎหมายต่อไป
ปล่อยให้การลดโทษเป็นหน้าที่ของศาลและกระบวนการยุติธรรมเถอะนะ อย่าใจดีปล่อยคนร้ายไปเองด้วยการแจ้งความที่ไม่สมบูรณ์เลย
ส่วนขั้นตอนหลังจากแจ้งความนั้นจะเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล ซึ่งจะได้กล่าวในโอกาสต่อไป
สวัสดี